การปฏิวัติของวอริกและการฟื้นฟูพระเจ้าเฮนรีที่ 6 ของ สงครามดอกกุหลาบ

ปราสาทมิดเดิลแลมพระเจ้าหลุยส์ที่ 11 แห่งฝรั่งเศส

ในรัชสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งวอริกกลายเป็นขุนนางผู้มีอำนาจและเจ้าของที่ดินมากมายในอังกฤษ ก่อนหน้านั้นวอริกก็เป็นขุนนางผู้มีอำนาจและทรัพย์สินมากอยู่แล้วจากการสมรสและจากทรัพย์สมบัติที่ได้รับจากบิดาที่ได้มาจากทรัพย์ที่ยึดจากฝ่ายแลงแคสเตอร์ นอกจากนั้นก็ยังรับหน้าที่สำคัญต่าง ๆ หลายหน้าที่ ความที่เชื่อว่าอังกฤษควรจะมีความสัมพันธ์อันดีกับฝรั่งเศสวอริคก็ไปพยายามเจรจาต่อรองหาคู่อภิเษกสมรสชาวฝรั่งเศสให้กับสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด แต่สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงไปเสกสมรสอย่างลับ ๆ มาตั้งแต่ ค.ศ. 1464 แล้วกับเอลิซาเบธ วูดวิลล์แม่หม้ายของจอห์นแห่งเบดฟอร์ด ต่อมาพระองค์ก็ทรงประกาศการสมรสอย่างเป็นทางการซึ่งทำให้วอริกได้รับความอับอายขายหน้าเป็นอันมาก

ความอับอายที่ได้รับทำให้วอริกเคียดแค้นโดยเฉพาะเมื่อตระกูลวูดวิลล์เรืองอำนาจกลายเป็นคนโปรดของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเหนือกว่าตระกูลเนวิลล์ของวอริค พระญาติของเอลิซาเบธต่างก็ได้สมรสกับครอบครัวขุนนางต่าง ๆ หรือไม่ก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางหรือตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ปัจจัยต่าง ๆ หลายอย่างเหล่านี้ทำให้วอริคยิ่งเพิ่มความไม่พอใจหนักขึ้นที่รวมทั้ง การที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมีพระราชประสงค์ที่จะมีความสัมพันธ์กับเบอร์กันดีแทนที่จะเป็นฝรั่งเศส และความไม่ทรงเต็มพระทัยที่จะให้พระอนุชาสองพระองค์ คือ ดยุกแห่งแคลเรนซ์และดยุกแห่งกลอสเตอร์--ไปสมรสกับลูกสาวสองคนของวอริก คือ อิสซาเบล และ แอนน์ นอกจากนั้นความเป็นที่นิยมโดยประชาชนของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็เริ่มลดลงเมื่อมีการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นและการขาดกฎและระเบียบที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งขึ้น

เมื่อมาถึงปี ค.ศ. 1469 วอริคก็หันไปเป็นพันธมิตรกับดยุกแห่งแคลเรนซ์พระอนุชาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้ไปแต่งงานกับอิซาเบล เนวิลล์ ดัชเชสแห่งแคลเรนซ์แม้ว่าจะไม่เป็นที่ต้องพระทัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ตาม วอริกและดยุกแห่งแคลเรนซ์รวบรวมพลเข้าต่อสู้กับฝ่ายแลงแคสเตอร์และได้รับชัยชนะในยุทธการที่เอ็ดจ์โคตมัวร์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดถูกจับตัวได้ที่โอลนีย์ในบักกิงแฮมเชอร์และถูกนำไปขังไว้ที่ปราสาทมิดเดิลแลม (Middleham Castle) ในยอร์กเชอร์ (ซึ่งทำให้วอริกมีพระเจ้าแผ่นดินอยู่ในมือสององค์) หลังจากนั้นวอริกก็จับและสังหารพระราชบิดาของพระราชินีริชาร์ด วูดวิลล์ เอิร์ลริเวอร์สที่ 1และพระอนุชาจอห์น แต่วอริกก็มิได้ทำการประกาศว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือประกาศให้ดยุกแห่งแคลเรนซ์เป็นพระมหากษัตริย์[8] บ้านเมืองในขณะนั้นก็เต็มไปด้วยความระส่ำระสาย ขุนนางต่างก็ลุกขึ้นมาก่อตั้งกองทัพส่วนตัวเข่นฆ่าแก้แค้นกันจากสาเหตุต่าง ๆ ที่บาดหมางกันมาก่อนหน้านั้น ฝ่ายแลงแคสเตอร์ที่หมดอำนาจไปก่อนหน้านั้นก็ลุกขึ้นมาก่อความไม่สงบอีก[9] แต่จะอย่างไรก็ตามก็มีขุนนางเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สนับสนุนการยึดอำนาจของวอริค พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดถูกนำตัวกลับมาลอนดอนโดยน้องของวอริคจอร์จอาร์ชบิชอปแห่งยอร์กเพื่อมาทำความปรองดองกันกับวอริกอย่างน้อยก็เท่าที่เห็นกันภายนอก

เมื่อการก่อความไม่สงบเกิดขึ้นในลิงคอล์นเชอร์พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็ทรงสามารถปราบปรามได้อย่างง่ายดายในยุทธการที่ลูสโคตฟิล์ด จากคำให้การของผู้นำการปฏิวัติกล่าวหาว่าผู้ยุยงให้เกิดการก่อการคือวอริกและดยุกแห่งแคลเรนซ์ ทั้งสองคนจึงถูกประกาศว่าเป็นผู้ทรยศต่อแผ่นดินจนจำเป็นต้องหนีไปฝรั่งเศสที่พระนางมาร์กาเรตประทับลี้ภัยอยู่ พระเจ้าหลุยส์ที่ 11 แห่งฝรั่งเศสผู้ทรงต้องการที่จะหยุดยั้งความเป็นพันธมิตรระหว่างพระอนุชาเขยชาร์ลผู้อาจหาญ ดยุกแห่งเบอร์กันดีกับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงทรงแนะนำให้วอริกกับพระนางมาร์กาเรตหันมาร่วมมือกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายผู้เป็นศัตรูกันมาก่อนก็แสดงความไม่เต็มใจในระยะแรก แต่เมื่อมาพิจารณาแล้วก็เริ่มมองเห็นผลประโยชน์ที่อาจจะได้จากการเป็นพันธมิตรกัน แต่ผลประโยชน์ที่ต่างฝ่ายต่างคาดนั้นก็แตกต่างกันมาก วอริกต้องการพระเจ้าแผ่นดินที่ใช้เป็นหุ่นเช่นพระเจ้าเฮนรีหรือพระราชโอรส ส่วนพระนางมาร์กาเรตมีพระราชประสงค์ในการกู้ราชบัลลังก์ของพระองค์คืน แต่จะอย่างไรก็ตามผลของการตกลงคือการจัดการแต่งงานระหว่างแอนน์ลูกสาวของวอริกกับพระราชโอรสของพระองค์เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด หลังจากนั้นวอริกก็ยกทัพไปรุกรานอังกฤษในฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 1470

ยุทธการที่ทูกสบรี

ขณะนั้นที่วอริกยกทัพมาตีอังกฤษ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงนำทัพขึ้นไปทางเหนือเพื่อไปปราบการก่อความไม่สงบในยอร์กเชอร์ วอริกด้วยความช่วยเหลือของกองเรือภายใต้การนำของหลานทอมัส เนวิลล์ขึ้นฝั่งที่ดาร์ทมัธและรวบรวมกำลังผู้สนับสนุนจากมณฑลทางใต้และเมืองท่าต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นวอริคก็นำทัพเข้ายึดกรุงลอนดอนในเดือนตุลาคมและนำพระเจ้าเฮนรีที่ 6 แห่ตามถนนรอบเมืองลอนดอนในฐานะกษัตริย์ผู้ได้รับการฟื้นฟู จอห์น เนวิลล์น้องของวอริคผู้ได้รับตำแหน่งลอยให้เป็นมาร์ควิสแห่งมองตากิวก็หันมาสนับสนุนพี่ชาย กองกำลังของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้มิได้ทรงเตรียมตัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็แตกกระจาย พระองค์และดยุกแห่งกลอสเตอร์หนีจากดอนคาสเตอร์ไปยังชายฝั่งทะเลข้ามไปยังฮอลแลนด์ไปลี้ภัยอยู่ในเบอร์กันดี พระองค์และพระอนุชาก็ถูกประกาศว่าเป็นผู้ทรยศต่อแผ่นดิน หลังจากนั้นฝ่ายแลงคาสเตอร์ที่ไปหนีภัยก็กลับมาอ้างสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยึดไปในระหว่างสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด

แต่ความสำเร็จของวอริคก็เป็นไปเพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น เมื่อวอริคเลยเถิดไปพยายามที่จะรุกรานเบอร์กันดีโดยการเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสเมื่อฝรั่งเศสสัญญาว่าจะให้ดินแดนในเนเธอร์แลนด์เป็นการตอบแทน ซึ่งเป็นผลให้ชาร์ลส์แห่งเบอร์กันดีมอบทุนทรัพย์และกองทหารที่ทำให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดสามารถนำกลับไปรุกรานอังกฤษได้ในปี ค.ศ. 1471 พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเสด็จขึ้นฝั่งพร้อมกับทหารกลุ่มหนึ่งที่เรเวนสเปอร์ทางฝั่งทะเลตอนเหนือของอังกฤษในยอร์กเชอร์ เมื่อเริ่มแรกก็ทรงอ้างว่าเสด็จมาสนับสนุนพระเจ้าเฮนรีและขอบรรดาศักดิ์ดยุกแห่งยอร์กคืน แต่ไม่นานพระองค์ก็ทรงได้รับการสนับสนุนจากเมืองยอร์ค พระอนุชาดยุกแห่งแคลเรนซ์ผู้ไปสนับสนุนวอริคอยู่ชั่วระยะหนึ่งก็ทิ้งวอริคและหันกลับมาสนับสนุนพระองค์อีกครั้ง จากนั้นพระองค์ก็ทรงเดินทัพลงมาเพื่อยึดกรุงลอนดอน และมาปะทะกับกองทัพของวอริกในยุทธการที่บาร์เน็ต การต่อสู้เกิดขึ้นท่ามกลางหมอกที่ลงจัด กองกำลังของวอริคก็โจมตีกันเองด้วยความเข้าใจผิด และกองทัพของวอริกก็เชื่อกันโดยทั่วไปว่าโดนทรยศจึงหนีกันกระเจิดกระเจิง วอริกถูกสังหารขณะที่พยายามจะขึ้นม้า

พระนางมาร์กาเรตและเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดพระราชโอรสขึ้นฝั่งที่เวสต์คันทรีเพียงสองสามก่อนหน้ายุทธการที่บาร์เน็ต แต่แทนที่จะเดินทางกลับฝรั่งเศสพระราชินีมาร์กาเร็ตก็เสด็จไปสมทบกับผู้สนับสนุนฝ่ายแลงคาสเตอร์ในเวลส์ แต่เมื่อทรงพยายามนำทัพข้ามแม่น้ำเซเวิร์นพระองค์ก็ทรงถูกยับยั้งโดยเมืองกลอสเตอร์ที่ไม่ยอมให้ข้าม กองทัพของพระองค์นำโดยเอ็ดมันด์ โบฟอร์ต ดยุกที่ 4 แห่งซัมเมอร์เซต เข้าต่อสู้และพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในยุทธการที่ทูกสบรี เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดรัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อังกฤษของฝ่ายแลงคาสเตอร์ถูกสังหารในที่รบ พระเจ้าเฮนรีที่ 6 พระราชบิดาของพระองค์ก็ทรงถูกปลงพระชนม์เพียงสิบวันหลังจากนั้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1471 เพื่อเป็นการสร้างความมั่นคงในการครองราชบัลลังก์แก่ฝ่ายยอร์ก

ใกล้เคียง

สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามเวียดนาม สงครามกลางเมืองอเมริกา สงครามแปซิฟิก สงครามเกาหลี สงครามอ่าว สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สงครามครูเสด สงครามกัมพูชา–เวียดนาม